TAMRON SP 150-600mm F/5-6.3 Di VC USD : ภาคสนามจนตัวดำ!

 

เลนส์ซูมกำลังสูงสำหรับกล้อง DSLR ตัวแรกของโลกที่ไปได้ไกลสุดถึงระยะ 600mm! บางทีเลนส์ตัวนี้มันอาจจะมาเพื่อเปิดศักราชใหม่ของวงการถ่ายภาพระยะไกลที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เศรษฐีกระเป๋าหนักแล้วก็เป็นได้ 1 อันที่จริงแล้วผมอยากจะเรียกมันว่า ตัวแรกของโลกในคุณสมบัติของมันเองกับเลนส์ซูมที่ไปถึงระยะ 600mm เพราะลองหาข้อมูลดูแล้วก็ยังไม่พบว่ามีเลนส์ซูมตัวไหนที่ไปได้ถึงระยะขนาดนั้น เท่าที่มีอยู่ก็จะสุดกันที่ 500mm ซึ่งถ้าจะเรียกว่า นานมันก็นานมากโขจนไม่เท่าทันกับเทคโนโลยีของบอดี้สุดล้ำสมัยนี้เสียแล้ว แต่ก็ยังไม่สะดวกใจที่จะเรียกแบบนั้นมากนักเพราะเจ้าตัวเองก็ยังไม่พูดอะไรแบบนั้นเลย ก็ไม่รู้สินะว่ามันมีเหตุผลอะไรในกอไผ่เยอะกว่านั้นหรือเปล่า? แต่ถ้าเป็นค่ายระดับเจ้าแห่งการพีอาร์แล้วละก็นอกจากจะไปถึงครูอังคณาแล้วเรื่องนี้ต้องไปรอบโลกแน่ แถมจะหลายๆ รอบเลยเสียด้วย   ก่อนอื่นต้องเข้าใจกันก่อนว่าเรากำลังพูดถึงเลนส์ ซูมซึ่งสามารถเปลี่ยนระยะได้ ไม่ได้พูดถึงเลนส์ ฟิกซ์ที่เปลี่ยนระยะไม่ได้ เพราะถ้าเลนส์ฟิกซ์เนี่ยเรามีกันไปถึงหลายพัน mm แต่ที่มีอยู่ในตลาดทั่วไป(ของคนมีกะตัง) ก็จะมีระยะ 400, 500, 600, 800, 1200, 1600 mm ฯลฯ ซึ่งก็อย่าได้พูดถึงราคาค่าตัว เพราะนั่นหมายถึงขนหน้าแข้งกระจุกใหญ่มากๆ ของชาวบ้านธรรมดาเดินดินเลยทีเดียว   TAMRON ผลิตเลนส์ซูมระยะซูเปอร์เทเลโฟโต้มาตั้งแต่ปี คศ. 1965 กับรุ่น PZ-70 ด้วยสเปค 200-400mm F/6.3 ซึ่งเป็นเลนส์ T-Mount สมัยบรรพบุรุษ และหลังจากนั้นก็ยังคงมีเลนส์ลักษณะนี้ถูกเข็นออกวางจำหน่ายเรื่อยมาจนถึงตัวก่อนล่าสุดคือ SP AF 200-500mm F/5-6,3 Di LD [IF] (A08) ซึ่งตัวนี้ก็ยังคงมีขายอยู่ในปัจจุบัน โดยที่มันก็ต่อกรกับคู่แข่งค่ายอื่นๆ อีกหลายตัว แต่ด้วยเหตุที่มันเป็นเลนส์เฉพาะทางกลุ่มไม่กว้างขวางใหญ่โตมากนัก ความดุเดือดของเวทีก็เลยไม่ค่อยมีให้เห็นกันสักเท่าไหร่ compare

• เปรียบเทียบระหว่าง A011 (ตัวบน) กับ A08 (ตัวล่าง) จะเห็นพัฒนาการได้อย่างชัดเจนว่า A011 นั้นล้ำหน้าไปมากมาย A08 นั้นไม่มีมอเตอร์ในตัว ไม่มีระบบชดเชยอาการสั่นไหว จริงๆ แล้วมันแทบไม่มีอะไรเป็นคุณสมบัติพิเศษเลยนอกจากช่วงระยะซูมของมัน แต่ A011 นอกจากจะหน้าตาดีแล้วยังมีคุณสมบัติเด็ดมาพร้อมมูลเลยทีเดียว

วันดีคืนดี อยู่ๆ ข่าวของเลนส์ซูมซูเปอร์เทเลโฟโต้ตัวใหม่ของ TAMRON ก็ลอยมาตามลม ครั้งแรกที่ได้ยินนั้นผมถึงกับขนลุกเมื่อรู้ว่ามันจะไปได้ถึง 600mm ซึ่งนั่นแปลว่ามันกำลังลูบคมเลนส์ขั้นเทพราคาหลายแสนบาทเข้าแน่แล้ว เพราะก็อย่างที่บอกไปว่าก่อนหน้านี้ยังไม่มีใครขึ้นไปถึงระดับ 600mm กันสักที   ไม่นับพวกกล้องคอมแพคซูเปอร์ซูมทั้งหลายนะ อันนั้นไม่เรียกว่าเป็นเลนส์สำหรับ DSLR   หลังจากที่ได้ข่าวมาระยะหนึ่งการเผยตัวอย่างเป็นทางการก็เริ่มต้นขึ้นแบบดูแต่ตามืออย่าต้องทางแถวฟากฝั่งยุโรป ต่อจากนั้นก็เป็นคิวของบ้านเราในงาน Photo Fair 2013 ซึ่งก็ลุ้นกันไปว่าเลนส์ตัวนี้จะเข้ามาทันโชว์ตัวหรือเปล่า? ซึ่งก็เป็นไปตามคาดว่าไม่ทัน   ต่อมาอีกไม่กี่วันผมก็ได้รับข่าวว่ามันพร้อมสำหรับการลองของแล้ว ผมเองก็ยิ่งอยากจะลองมันมากเข้าไปอีกหลังจากที่ได้ยินว่าค่าตัวจะเปิดที่ไม่เกินครึ่งแสน! OMG ระยะ 600mm แถวๆ ห้าหมื่น ไม่เคยปรากฏในโลกนี้มาก่อน   สิ่งที่หวั่นใจเอามากๆ ก็คือการเกรงว่ามันจะมีแค่ ระยะมาให้ใช้งานแต่อย่าคาดหวังเรื่องคุณภาพของภาพมากนัก เพราะที่ระดับราคาไม่แรงแบบนี้อย่าหวังอะไรเอาไว้มากแหละเป็นดี เพราะประสบการณ์ก่อนหน้านี้กับเลนส์ 70-300mm ที่ TAMRON มีอยู่ในตลาดสองตัวทำให้ผมรู้ซึ้ง ตัวหนึ่งนั้นราคาเลยครึ่งหมื่นมานิดหน่อย ส่วนอีกตัวก็เลยหมื่นมานิดหน่อย เจ้าตัวเลยครึ่งหมื่นนั้นระดับคุณภาพก็สมราคา คือใช้ในการศึกษาเรียนรู้และไม่เน้นเรื่องคุณภาพของภาพถ่ายมากมายนัก ก็อย่างว่านั่นแหละที่เขาเรียกว่าเป็น เลนส์ครูก็เพราะมันไม่แพง ศึกษาหาความรู้กันได้ตามสมควร ส่วนตัวที่เกินหมื่นมานั้นหายห่วง เพราะมันแจ๋วทั้งเรื่องคุณภาพของภาพและระบบกันสั่น VC ขนาดที่ผมต้องจัดหามาใช้ส่วนตัวเลยเชียวล่ะ   ผมก็กริ่งเกรงเหลือเกินว่ามันจะออกมาในทำนองนั้นหรือเปล่าสำหรับเลนส์ซูมซูเปอร์เทเลระดับไม่เกิน ครึ่งแสนตัวนี้ถ้าเรามองไปที่ประเด็นเรื่องราคา?   และแล้ววันนั้นก็มาถึง เมื่อผมได้รับการติดต่อจาก East Enterprises ต้นสังกัดผู้ดูแล TAMRON ในบ้านเราเพื่อนัดแนะคิวการรับเลนส์ตัวนี้มาลองของจริง

นัดบอดครั้งแรก

ทันทีที่เจอกัน เจ้าเลนส์รหัส A011 ตัวนี้ก็แจกเซอร์ไพร์สแรกให้ผมก่อนเลย ด้วยความที่มันเป็นเลนส์ระยะ 600mm ที่มีขนาดกระทัดรัดมาก (เมื่อเทียบกับพวกพ้องของมัน) เพราะเมื่อประกอบเข้ากับบอดี้พร้อมใส่ฮูดเอาไว้ด้วย มันก็สามารถวางลองร่องกลางของกระเป๋าเป้ ThinkTank StreetWalker Harddrive ของผมได้พอดี (แถมเหลือที่ว่างอีกนิดหน่อยเสียด้วย) ตอนแรกนึกว่าจะต้องหากระเป๋าใบใหญ่ๆ มาใส่ซะอีก อา…600mm ขึ้นมาซุกอยู่บนแผ่นหลังของผมได้ด้วย   2   ก็ด้วยความที่มันกระทัดรัดและมีน้ำหนักไม่มากจนใส่ในกระเป๋าปกติได้ ก็เป็นอันแน่นอนว่าความคล่องตัวคงจะเป็นสิ่งที่ได้มาอย่างไม่ต้องสงสัย แทบไม่ต่างจากชุดกระเป๋ากล้องปกติที่ใช้อยู่สักกี่มากน้อย   เมื่อถึงเวลาใช้งานจริงก็ปรากฏว่ามันเป็นอย่างที่ว่านั่นจริงๆ อีกนั่นแหละ คอลลาร์รับขาตั้งกล้องถูกหมุนให้กลับขึ้นมาอยู่ด้านบนเพื่อให้หมุนซูมได้ถนัดๆ เวลาที่เรายกกล้องขึ้นส่อง ซึ่งคอลลาร์ตัวนี้ก็มีร่องนูนเว้ารับนิ้วมือมาไว้พร้อมสรรพ แน่แหละว่าวิศวกรผู้ออกแบบต้องคิดเผื่อมาแล้วว่าผมต้องทำแบบนี้แน่ๆ (ใครก็ทำแบบนี้ทั้งนั้นแหละน่า) ซึ่งมันก็กลายเป็นมือจับถือได้อย่างพอดิบพอดี เดินตัวปลิวหิ้วกล้องเลนส์โตกันเท่ไปเลย   3   รูปลักษณ์ภายนอกและวัสดุที่ใช้นั้นต้องขอบอกว่ามันดูดีเอามากๆ การออกแบบแต่ละส่วนนั้นทำได้ดีพิถีพิถันสมกับเป็น TAMRON ยุคใหม่ซึ่งเราจะเห็นได้จากเลนส์ใหม่ๆ หลายตัวที่ออกแบบให้ดูดีขึ้นตั้งแต่ภายนอก อย่าว่าอย่างนู้นอย่างนี้เลย เทียบกับ 200-500mm (A08) ตัวเก่าแล้วผมว่ามันคนละชั้นคนละเกรดกันเลยทีเดียวเชียวแหละ   ใช้เวลานั่งพิจารณาดูตรงโน้นตรงนี้อยู่หลายชั่วโมงเพื่อจะหาข้อบกพร่องที่จะเอามาติมาแฉกันให้ชาวบ้านได้รู้ จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เจอ อันนี้ไม่ได้พูดเว่อร์ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ พยายามจับผิดในกระบอกเลนส์ด้านท้ายเพื่อจะเจอช่องโหว่แบบ 70-300mm ตัว VC ที่เค้าบ่นกันนักนั่นก็ไม่เจอ ทุกส่วนยังมิดชิดแน่นหนาดี แถมยังมีแหวนยางเพื่อป้องกันสารพัดอย่างเล็ดลอดเข้าไประหว่างรอยต่ออีกต่างหากอืมมมม   4   เมื่อประกอบเข้ากับกล้องแล้วมันจะดูอลังการนิดหน่อยด้วยความยาวของฮูดด้านหน้า แต่ถ้าถอดฮูดออกขนาดของมันก็ไม่ได้ใหญ่โตเบ้อเร้ออะไรมากมายนัก แน่ละครับว่ามันใหญ่กว่า 200-500mm ผู้พี่แถมยังหนักกว่าด้วย แต่ก็อย่าลืมว่าเจ้านี่มันไปถึง 600mm เลยเชียวนา ก็เป็นอันน่าประหลาดใจอีกแหละครับว่าน้ำหนักโดยรวมของทั้งกล้องและเลนส์แล้วต่างจากการใส่ 70-200mm F/2.8 ไม่มากมายเท่าไหร่ ซึ่งถ้าตามสเปคแล้วก็จะต่างกันอยู่ราวๆ ครึ่งกิโล   เข้าท่าวุ้ย   5   6

ออกภาคสนาม

ใช่เลยครับ ถ้าพูดถึงคนถ่ายนกเราเป็นต้องนึกถึงใครสักคนที่เอาหน้าจิ้มไปด้านหลังกล้องพร้อมเลนส์โตๆ ที่อยู่บนขาตั้งกล้องอันใหญ่ๆ ทั้งนั้น แต่กับเจ้าตัวนี้มันไม่ใช่เสียแล้ว   ยังไงน่ะเหรอ? ตามมาเลยครับ   สิ่งแรกในความสงสัยของผมก็คือ ระบบกันสั่น “VC” (Vibration Compensation) ของเจ้าตัวนี้จะทำได้ดีขนาดไหนเมื่ออยู่ที่ระยะ 600mm? เพราะระบบนี้เคยทำให้ผมประทับใจตอนที่ได้ลอง 70-300mm ตัว VC มาแล้ว (ถึงแม้จะมีเสียงบ่นเรื่องอาการกระชากเมื่อเริ่มทำงานของมันก็เหอะ) มันทำได้ดีมากจนต้องตัดสินใจเรียกเข้าประจำการเลยทีเดียว   อย่างมากก็แค่พอใช้ละวะนั่นคือสิ่งที่ผมคิดเอาไว้ตอนแรก เพราะมันไม่ใช่ง่ายเลยนะสำหรับการถือถ่ายภาพด้วยมือเปล่าที่ระยะ 600mm แบบนิ่งๆ โดยเฉพาะกับเลนส์ยาวๆ แบบนี้   ผิดคาดครับ มันทำได้ดีเกินเหตุสำหรับการถือด้วยมือเปล่า สมกับสโลแกนสวยหรูของเขาที่ว่า “Ready and very steady” เพราะภาพที่เห็นนั้นถึงแม้จะไม่ถึงกับนิ่งสนิทแต่มันก็ทำให้เราสามารถเห็นภาพที่สบายตาแบบไม่สั่นไหวได้จริงๆ จับถือในท่าที่มั่นคงสักหน่อย ลองไปสอง-สามชอต ผมก็จัดการเอาขาตั้งกล้องไปจอดเข้าที่ของมันเก็บไว้แล้วเดินตัวปลิวออกไปยิงนกเลยทีเดียว http://youtu.be/Vvw1deEG7yI น้ำหนักเบา, ขนาดกระทัดรัด, ระบบ VC สามอย่างนี้ทำให้คุณมีโอกาสได้ภาพมากขึ้นอีกเยอะ มันก็คล้ายๆ กับที่ผมเคยหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับการถ่ายภาพมาโครโดยใช้ขาตั้งกล้องนั่นแหละ กว่าจะปรับกว่าจะหมุนพอดีพวกแมลงตัวจิ๋วก็โดดหายกันไปหมด ตั้งแต่นั้นผมก็เลยไม่ค่อยจะใช้ขาตั้งอีกสักเท่าไหร่   นกก็เหมือนกันแหละครับ นานๆ ครั้งหรือแค่บางยี่ห้อที่มันจะอยู่นิ่งๆ แต่ส่วนมากก็โดดกันเป็นลิงทั้งนั้น จับกิ่งนู้นเกาะกิ่งนี้ ถ้าใช้ขาตั้งก็คงจะหงุดหงิดและไม่ทันใจไม่ใช่น้อย แต่ถ้าตัวเปล่ามือเปล่าแล้วคุณจะบิดจะหมุนจะก้มจะเงยไปทางไหนก็ย่อมจะทำได้รวดเร็วกว่า   …เพราะแบบนี้แหละครับคุณถึงมีโอกาสได้ภาพมากกว่าอย่างที่ว่า Seagul_3_57 ส่วนมากแล้วผมก็จะเพลิดเพลินกับระยะสุดที่ 600mm ตลอดนั่นแหละ ถ้าคุณถือติดมืออยู่ก็จะเป็นเหมือนผมแน่ๆ เพราะเราก็ย่อมจะอยากได้ภาพเป้าหมายขนาดใหญ่เอาไว้ก่อนใช่ไหมล่ะ? ข้อดีที่สำคัญของเลนส์ตัวนี้ตราบใดที่นกมันยังมีขาและมีปีกอยู่ละก็ เมื่อมันโฉบเข้ามาใกล้เรา เราก็ยังสามารถ zoom-out ออกมาได้ถึงระยะ 150mm ได้ด้วย ซึ่งที่ระยะนั้นเราจะสามารถจับโฟกัสได้ใกล้สุดถึง 2.7 เมตรกะคร่าวๆ ก็ประมาณสามก้าว ดังนั้นถ้านกบินมาแอ่นอกให้ยิงอยู่ตรงหน้าคุณก็ยังมีโอกาสยิงได้เหมือนกัน bird600 ผมยังติดใจอยู่นิดหน่อยในเรื่องของความเร็ว เหตุเพราะบอดี้ EOS 6D ที่ผมใช้นั้นมันไม่ได้ถือกำเนิดมาเพื่อความว่องไว ดังนั้นการจับโฟกัสการจับตามวัตถุก็อาจจะยังไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่นักกับการถ่ายภาพแนวนี้ ดังนั้นหลายๆ ครั้งระบบจับโฟกัสของเลนส์ A011 ก็อาจทำให้ผมจิ๊จ๊ะอารมณ์เซ็งได้อยู่บ้างเหมือนกัน แต่นั่นหมายถึงตอนช่วงที่นกกำลังพุ่งลงโจมตีบางสิ่งด้วยความรวดเร็วนะครับที่มันต้องอาศัยความเร็วขั้นเทพของอุปกรณ์ถึงจะตามจับทัน ผมค่อนข้างแน่ใจว่า A011 ตัวนี้แม้ว่าจะใช้มอเตอร์ USD ความเร็วสูงของค่ายนี้แล้วแต่มันก็น่าจะตกเป็นรองเลนส์ขั้นมหาเทพอย่าง EF 600mm F/4L IS USM แน่ๆ แต่ผมรับได้นะเมื่อคิดถึงส่วนต่างระดับสามแสนห้าหมื่นบาทน่ะ   ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าผมจะยัดเยียดความผิดให้กับบอดี้ 6D นะครับ ผมเพียงแต่สงสัยว่าถ้ามันประกบกับบอดี้ระดับฉกาจอย่าง EOS 7D หรือ 7D ตัวใหม่ที่กำลังจะมาเนี่ยมันจะเป็นยังไง? ซึ่งผมมั่นใจว่ามันต้องทำความเร็วได้ดีกว่านี้แน่ๆ   และก็อย่าเพิ่งเข้าใจไปว่าผมบอกว่าเลนส์ตัวนี้มันช้า อันที่จริงแล้วไม่ช้าเลยเชียวแหละ มันก็ทำได้สมศักดิ์ศรีความเป็น USD ประจำค่าย ที่ผมหมายถึงนั่นคือความเร็วในระดับเศษหนึ่งส่วนพันวินาทีนู่นเลย ซึ่งก็ยังไม่แน่หรอกว่าเลนส์ระดับมหาเทพจะทำได้หรือเปล่า Kingfisher_1 แต่ถ้าจะบอกว่ามันเร็วปรู๊ดปร๊าดแบบสุดยอดนั้น ก็ต้องบอกเลยว่ายังไม่ใช่ครับ   และอีกอย่างหนึ่งที่ยังตั้งเป็นข้อสังเกตก็คือ หลายครั้งที่มันหาโฟกัสไม่เจอ มันก็จะเคลื่อนชิ้นเลนส์กลับมาตั้งต้นใหม่แล้วค่อยวิ่งออกไปอีกครั้ง แปลว่าบางทีก็อาจจะทำให้เสียจังหวะได้เหมือนกัน นี่เป็นข้อสังเกตที่ไม่แน่ใจนักว่าการแก้ไขทางซอฟต์แวร์หรือการจับคู่กับบอดี้เฉพาะทางที่เน้นเรื่องเร็วจะส่งผลให้ทำได้ดีกว่านี้หรือไม่?   แน่นอนว่าถ้ามีโอกาสจะนำกลับมารายงานกันอีกครั้งหนึ่ง   อีกอย่างที่จะมีเป็นข้อเสนอแนะก็คือ ปุ่มปรับระบบบนตัวเลนส์ทั้งสาม (Focus Limit, AF/MF, VC on/off) อยู่ต่ำไปหน่อย การเลื่อนนิ้วโป้งมาปรับทำได้ไม่สะดวกนัก ถ้าเลื่อนขึ้นมาอยู่ด้านบนได้อีกนิดก็จะดีมาก (แต่คุณก็จะได้ทำแบบนั้นไม่บ่อยหรอก ยกเว้นกับปุ่ม AF/MF)   ฝากเรื่องแปลกเอาไว้อีกอย่างหนึ่งก็คือ สำหรับบอดี้ EOS 6D ที่ผมใช้คู่กันนั้น เมื่ออยู่ที่ระยะ 150mm มันจะให้ค่ารูรับแสงกว้างสุดที่ F/4.5 (สเปคเลนส์อยู่ที่ F/5) ส่วนเมื่ออยู่ที่ระยะ 600mm มันก็จะให้ที่ F/5.6 (สเปคอยู่ที่ 6.3) ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องแปลกที่น่าตั้งข้อสังเกตอยู่เหมือนกัน   (อัพเดท : เหตุผลของเรื่องนี้ได้ข้อสรุปออกมาที่นี่ครับ)

 

สรุปสำหรับรูปลักษณ์ภายนอกและการใช้งานแล้วผมให้เลนส์ตัวนี้ผ่านฉลุย แล้วก็ให้แบบเฉียดห้าดาวกันไปเลยทีเดียว

คุณภาพของภาพ

ต่อให้เบาหวิวใช้งานคล่องหน้าตามีสกุลรุนชาติขนาดไหน ถ้าให้ภาพที่ดีไม่ได้มันก็เท่านั้นแหละครับ จริงมั๊ยล่ะ?   พูดไปก็ดูเหมือนจะอวยกันเกินจริง ถึงแม้ว่าผมจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ East Enterprises ก็เถอะ แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้แล้วก็ต้องว่ากันไปตามจริง ผมคิดเห็นอย่างไรก็จะบอกกันไปตามนั้น ไม่มีเข้าข้างให้ผู้ชมเซ็ง อันนี้พูดเลย   แต่ผมเห็นด้วยคติที่ตรงเป๋งเลยว่าภาพที่ได้จากเลนส์ตัวนี้มันแจ๋วจริง!   TAMRON คุยเอาไว้ว่าในเลนส์ตัวนี้มีชิ้นเลนส์ LD (Low Dispersion) ร่วมสังฆกรรมอยู่ด้วยถึงสามชิ้น ฟังดูมันก็เท่ดีนะ แต่มันคืออะไรน่ะ?   LD คือชิ้นเลนส์พิเศษที่จะช่วยในการลดข้อบกพร่องทางแสงบางอย่างให้มันมีคุณภาพที่ดีขึ้น ให้ความสว่าง สีสัน รวมถึงคอนทราสต์ในระดับที่ดี ลดอาการบิดเบี้ยวหรือที่เราเรียกกันว่าการคลาดทรงกลม ไอ้เจ้าพวกนี้คือตัวลดทอนคุณภาพของภาพทั้งสิ้น ซึ่งผลของมันก็ฟ้องออกมาในไฟล์ภาพถ่ายที่ได้นี่แหละ LD แน่นอนครับว่าส่วนหนึ่งก็ต้องยกให้เป็นความดีความชอบของบอดี้ EOS 6D ด้วย   อาการข้อบกพร่องของเลนส์ที่จะถ่ายทอดมาถึงภาพได้มีอยู่หลายแบบครับ แต่ที่เรารู้จักกันดีก็คือ CA – Chromatic Aberration อาการสีเหลื่อมของม่วงขอบแดงที่เราเจอกันอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะกับเลนส์มุมกว้าง, Ghosting ซึ่งอันนี้ไม่ใช่อาการกดติดวิญญาณ แต่เป็นอาการคล้ายๆ กันที่มีแสงลางๆ ซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ ของภาพ ดู MTF ของเลนส์ตัวนี้ที่รูรับแสงกว้างสุดครับ จะเห็นว่ามันยอดเยี่ยมตั้งแต่กลางภาพยันขอบภาพเลยทีเดียว มีที่ช่วง 150mm ที่ขอบภาพจะหล่นลงไปหน่อยเท่านั้น : MTF   ผมเอาภาพจากต้นฉบับอันปราศจากการปรับแต่งมาให้ดูเลยครับว่าผลที่ได้จากเลนส์ A011 บนบอดี้ EOS 6D ตัวนี้ออกมาเป็นอย่างไรบ้าง BIRD_QualityCenter100 TopLeft TopRight BottomLeft bottomRight เราจะเห็นได้ว่ามันทำผลงานออกมาได้อย่างน่าทึ่งเลยทีเดียว ทั้งสีสัน คอนทราสต์ และที่สำคัญก็คือความคมชัด บางภาพที่ผมดูนั้นยังตะลึงว่าที่ระยะไกลในระนาบโฟกัสเดียวกันบังเอิญมีดอกหญ้าขนละเอียดบางๆ ปลิวเข้ามามันก็ยังอุตส่าห์เก็บเข้ามาได้อีก แหม่จะคมไปไหน Kingfisher_2Weeldebeast

F, Zoom กับความคมชัด

มีข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องของความคมชัดเมื่อใช้ค่ารูรับแสงขนาดต่างๆ เลนส์ตัวนี้จะให้ความคมชัดที่ด้อยลงเมื่อบีบรูรับแสงแคบมากๆ แต่ข้อดีก็คือมันคมชัดตั้งแต่รูรับแสงกว้างสุดเลยทีเดียว และเมื่อไปถึง F22 มันจะค่อยๆ ด้อยลง และที่ F/38 ก็เริ่มน่าใจหาย โดยเฉพาะที่ระยะ 600mm นั้นจะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน …ข่าวดีก็คือคุณไม่ค่อยได้ใช้ F แคบขนาดนั้นกับเลนส์ประเภทนี้หรอก เพราะเรามักจะใช้มันที่ F กว้างๆ มากกว่า ซึ่งก็ถือว่าดีที่เลนส์ตัวนี้ให้ความคมชัดได้ตั้งแต่ระดับ F กว้างสุดเลยทีเดียว 1_600_5_61_600_83_600_131_600_22 1_600_38 คุณสมบัติที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ A011 เป็นเลนส์ตัวที่สองแล้วที่มีการเคลือบผิวเลนส์แบบ “eBAND” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับนาโนเพื่อลดอาการแสงแฟลร์ยามที่เรายิงสวนแสงกันตรงๆ บางคนก็ชอบให้มีแฟลร์ในภาพเพราะมันดูได้อารมณ์ดี แต่เชื่อเถอะว่าคุณไม่ชอบให้มีมันอยู่ในทุกภาพหรอก เพราะโดยปกติแล้วมันจะทำลายรายละเอียดและความคมชัดของภาพ ซึ่งมันสำคัญมากกับระยะเทเลโฟโต้ที่เรามีโอกาสจะกวาดหน้ากล้องไปเจอแสงที่ย้อนมาตรงๆ ได้เสมอ และถ้าบังเอิญเป็นวินาทีชอตเด็ดเราก็อาจจะกดทันแต่โดนทำลายรายละเอียดไปเรียบร้อยด้วยแสงแฟลร์ ดังนั้น “eBAND” ก็จะเข้ามาช่วยรับมือกับตรงนี้ให้ Flare และก็สมราคาคุยครับ หาแสงแฟลร์แทบจะไม่เจอกันเลยทีเดียว   สรุปในเรื่องคุณภาพของภาพที่ได้จากเลนส์ตัวนี้ต้องถือว่าน่าประทับใจครับ จุดอ่อนข้อบกพร่องมีน้อยมาก สีสันดี ความคมชัดเป๊ะ คอนทราสต์เยี่ยม จะว่าอวยกันมากมายเกินเหตุก็สุดแท้แต่เถอะครับ ผมเจอแบบนี้มาจริงๆ อันนี้เฟิร์ม

สรุป

ผมคิดว่าแทบจะไม่ต้องสรุปกันให้ยืดเยื้อมากความ ทั้งในด้านประสิทธิภาพการใช้งานและคุณภาพของภาพ มันยังไม่ใช่เลนส์ที่สุดยอดหรอกครับ แต่ผมว่าก็ใกล้เคียงเต็มทีแล้วแหละ ที่สำคัญก็คือมันไปไกลสุดถึง 600mm ที่รูรับแสงกว้างสุด F/6.3 เมื่อจับคู่กับบอดี้แจ่มๆ ของยุคนี้ที่เฟื่องในเรื่อง ISO ที่ประหยัด Noise กันแล้วเหลือเกินละก็ งานนี้สงสัยนกจะโดนฝังอยู่ในเซนเซอร์รับภาพกันเป็นเบือ ANGRYBIRDGRIPENBIRD100D

•  ท่านที่ใช้บอดี้ตัวคูณก็จะยิ่งชอบใจครับ เพราะเมื่อใช้ตัวนี้แล้วระยะมันก็เทียบเท่าแบบเฉียดๆ 1000mm เลยทีเดียว

ที่สำคัญสุดๆ ก็คือ ราคาเปิดตัวในบ้านเราอยู่ที่ 42,990 บาท! คุณพระช่วย ห่างครึ่งแสนมาพอสมควรจนเอาไปซื้ออะไรได้อีกเลยเชียวนะนั่น และนี่คือราคาเปิดตัวในช่วงที่เขียนบทความนี้อยู่ครับ (มกราคม 2557) เม้าท์สำหรับ Canon จะออกวางตลาดก่อน ส่วน Nikon จะตามมาในภายหลัง และตามด้วยเม้าท์สำหรับ Sony เลนส์ตัวนี้จัดว่าคุ้มค่าเงินเลยเชียวแหละ   ผมคิดว่าจากเดิมที่การถ่ายภาพด้วยเลนส์ระยะซูเปอร์เทเลโฟโต้ถูกจำกัดอยู่กับนักถ่ายภาพเฉพาะกลุ่มซึ่งมีกำแพงเป็นค่าตัวของเลนส์ที่สูงลิ่วระดับหลายแสนบาทน่าจะถูกทลายลงด้วยการมาถึงของเลนส์ตัวนี้ เพราะนอกจากจะได้เรื่องระยะแล้วคุณภาพของภาพก็ยังแจ่มแจ๋ว แถมด้วยความคล่องตัวแบบที่ไม่ต้องหาคนช่วยแบก และที่สำคัญราคาก็สบายกระเป๋า ต่อให้ผู้มีเลนส์มหาเทพครอบครองอยู่แล้วก็น่าจะสนใจเพราะอย่างน้อยก็ยังได้ในเรื่องเบาและการแบกขน และแน่นอนว่าเราคงจะได้เห็นภาพถ่ายแนวนี้ออกมามากขึ้นในอนาคต เพราะยังมีอีกหลายสิ่งเหลือเกินที่ไม่ยอมให้เราเข้าใกล้ได้สักที ก็ต้องจัดซะด้วยซูเปอร์เทเลโฟโต้นี่แหละ   หยอดกระปุกเอาไว้ให้ไว ดูแล้วงานนี้จะมีวางไม่พอขายแน่ๆ เลยเชียว   ปิยะฉัตร แกหลง ดูภาพจากเลนส์ตัวนี้เพิ่มเติมได้จากที่นี่ครับ > http://xtemag.com/wb/index.php?topic=7.0 …………………………………………………………………………………. 1 ขอบคุณ บริษัท East Enterprise Co., Ltd. จำกัด ผู้แทนจำหน่ายเลนส์ TAMRON อย่างเป็นทางการแต่ผู้เดียวในประเทศไทย  https://www.facebook.com/TamronbyEastEnterprises

 

Comments

comments

You may also like...